วิดีโอการเผยแผ่ศาสนา

บททดสอบของอัลกุรอานต่อยุคสมัยใหม่
บททดสอบของอัลกุรอานต่อยุคสมัยใหม่

ขอเชิญสำรวจงานเขียนชิ้นสำคัญนี้ ที่นำเสนอการวิเคราะห์เจาะลึกว่าคัมภีร์อัลกุรอานอันศักดิ์สิทธิ์ ยืนหยัดรับมือกับความท้าทายและความซับซ้อนของยุคสมัยใหม่ได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นประเด็นทางวิทยาศาสตร์ ปรัชญา หรือสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป หนังสือเล่มนี้เผยให้เห็นถึงภูมิปัญญาอันไร้กาลเวลาและความสามารถของอัลกุรอาน ในการให้คำตอบและแนวทางแก้ไขสำหรับปัญหาและข้อสงสัยในชีวิตร่วมสมัย เป็นบทพิสูจน์ถึงความสอดคล้องกับทุกยุคสมัยและความลึกซึ้งทางจิตวิญญาณ นำเสนอแนวคิดที่ลึกซึ้งและเป็นประโยชน์ เพื่อให้เข้าใจแก่นแท้ของอิสลาม ในบริบทของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและสังคมปัจจุบัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสำรวจบทบาทของศาสนา และค้นหาแรงบันดาลใจจากแหล่งแห่งปัญญาอันศักดิ์สิทธิ์สำหรับชีวิตในศตวรรษที่ 21

โดยความเป็นจริงแล้วบรรดา ศาสนทูตคือใครกันแน่
โดยความเป็นจริงแล้วบรรดา ศาสนทูตคือใครกันแน่

ในความเป็นจริง, ศาสนทูตคือใคร? ท่านคือผู้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสูงสุด (อัลลอฮ์) ทรงเลือกและส่งมายังมนุษย์ชาติ ด้วยวัตถุประสงค์อันยิ่งใหญ่ นั่นคือการนำทางพวกเขาสู่การบูชาพระองค์แต่เพียงผู้เดียว ตามเจตนารมณ์ของการสร้างมนุษย์ ศาสนทูตได้นำคำสอนและกฎเกณฑ์ อันชัดเจนจากพระเจ้า เพื่อให้มนุษย์ดำเนินชีวิตบนทางที่ถูกต้องและบริสุทธิ์ พวกท่านมีบทบาทสำคัญในการปฏิรูปชีวิตของผู้คน ชี้แนะแนวทางที่เที่ยงตรง และกระตุ้นให้ปฏิบัติตามคำสั่งและหลีกเลี่ยงข้อห้ามขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อให้เกิดความสงบสุขและความเป็นระเบียบเรียบร้อยในสังคม การทำความเข้าใจบทบาทของศาสนทูตจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง เพื่อการดำเนินชีวิตตามหลักการอันประเสริฐของพระองค์

ความยุติธรรม
ความยุติธรรม

"อัล-อัดล์" (العدل) หรือ "ความยุติธรรม" คือหลักการสำคัญในอิสลามที่เน้นความเที่ยงธรรม และเท่าเทียมกัน. ท่านศาสดามุฮัมมัด (ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน) แสดงความยุติธรรมสูงสุดในการตัดสิน และการปกครอง โดยใช้กฎของอัลลอฮ์เสมอภาคแม้กับญาติสนิท ไม่มีเลือกปฏิบัติ. สิ่งนี้เป็นไปตามพระบัญชาใน คัมภีร์อัลกุรอาน (ซูเราะห์อันนิซาอ์ โองการที่ 135) ที่กล่าวว่า: "โอ้ ผู้ศรัทธาทั้งหลาย! จงเป็นผู้ยืนหยัดในความยุติธรรม เป็นพยานเพื่ออัลลอฮ์ ถึงแม้ว่าจะเป็นปรปักษ์ต่อตัวพวกเจ้าเอง หรือบิดามารดา หรือญาติสนิทก็ตาม" โองการนี้ตอกย้ำว่าความยุติธรรมในอิสลามต้องเป็นอิสระจากอคติหรือความสัมพันธ์ส่วนตัวใดๆ เป็นเสาหลักสำคัญที่สร้างความสงบสุขและความถูกต้องชอบธรรมให้แก่สังคมโดยรวม.

ความเมตตาต่อสัตว์
ความเมตตาต่อสัตว์

ในอิสลาม, ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ได้สอนถึงความเมตตาอันลึกซึ้งต่อสัตว์ต่างๆ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของหลักศรัทธาและจริยธรรมของท่าน ท่านได้เน้นย้ำอย่างชัดเจนว่า มนุษย์จะต้องปฏิบัติต่อสัตว์ด้วยความอ่อนโยน ไม่บังคับให้พวกมันทำงานหนักเกินกำลัง หรือเกินกว่าที่พวกมันจะรับไหว และห้ามกระทำการใดๆ ที่เป็นการทำร้าย หรือทารุณกรรมสัตว์โดยเด็ดขาด หลักคำสอนนี้ยังรวมไปถึงการลดความเจ็บปวดให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แม้กระทั่งในกรณีที่มีความจำเป็นต้องเชือดสัตว์เพื่อการบริโภค ก็จะต้องกระทำด้วยวิธีการที่เมตตาและรวดเร็วที่สุด เพื่อลดความทุกข์ทรมานของสัตว์ นี่คือบทเรียนอันทรงคุณค่าที่แสดงให้เห็นถึงความห่วงใยและความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ที่อิสลามมีต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิด สะท้อนให้เห็นถึงความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า อันเป็นแบบอย่างในการดำรงชีวิตสำหรับทุกคน

ความเมตตาของท่านต่อเด็กๆ
ความเมตตาของท่านต่อเด็กๆ

เรื่องราวอันงดงามที่สะท้อนถึงความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ต่อเด็กๆ คือเรื่องราวขณะที่ท่านกำลังทำการละหมาด ซึ่งเป็นเสาหลักสำคัญของศาสนาอิสลามที่ต้องปฏิบัติด้วยความสงบสำรวมและปราศจากการเคลื่อนไหวหรือการพูดคุยที่ไม่จำเป็น แต่ท่านกลับอุ้มหลานสาวของท่าน คือ อุมามะฮ์ บินต์ ซัยนับ ไว้อย่างอ่อนโยน เมื่อท่านทำการรุกัวะอ์ (โค้งคำนับ) หรือสุญูด (กราบ) ท่านจะวางเธอลง และเมื่อท่านยืนขึ้น ท่านก็จะอุ้มเธอขึ้นมาอีกครั้ง การกระทำนี้เป็นข้อพิสูจน์อันทรงพลังถึงความรัก ความเมตตา และความอ่อนโยนอันหาที่เปรียบมิได้ที่ท่านศาสดามีต่อเด็กๆ แม้ในขณะที่ปฏิบัติศาสนกิจอันศักดิ์สิทธิ์ ท่านยังคงแสดงให้เห็นถึงหัวใจที่เปี่ยมด้วยความเห็นอกเห็นใจ นี่ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องเล่า แต่เป็นบทเรียนอันล้ำค่าที่สอนให้เราเห็นถึงคุณค่าของการดูแลและให้ความรักแก่เด็กๆ ในทุกสถานการณ์ ตอกย้ำให้เห็นว่าความเมตตาและความเห็นอกเห็นใจเป็นแก่นแท้ของอิสลาม และท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) คือแบบอย่างที่ดีที่สุดของความเมตตาอันไร้ขอบเขต ซึ่งเรื่องราวนี้ถูกบันทึกไว้ในบันทึกของบุคอรี (หะดีษหมายเลข 494) ซึ่งเป็นแหล่งที่เชื่อถือได้ของคำสอนท่านศาสดา

تطوير midade.com

جمعية طريق الحرير للتواصل الحضاري