วิดีโอการเผยแผ่ศาสนา

อิสลามมีจุดยืน อย่างไรต่อศาสนทูตอีซา ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน
อิสลามมีจุดยืน อย่างไรต่อศาสนทูตอีซา ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน

ศาสนาอิสลามมีความเชื่อและมุมมองที่ลึกซึ้งต่อท่านศาสดาอีซา (พระเยซู) สันติภาพจงมีแด่ท่าน พระคัมภีร์อัลกุรอานยืนยันว่าท่านเป็นหนึ่งในศาสดาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ทรงมีเกียรติและตำแหน่งอันสูงส่งยิ่งในหมู่ศาสดาของพระเจ้า ส่วนพระมารดาของท่าน คือท่านหญิงมัรยัม (มาเรีย) เป็นสตรีผู้สัตย์จริง ซื่อสัตย์ภักดี และมุ่งมั่นในการทำความดีและอิบาดะฮ์ (การภักดีต่ออัลลอฮ์) อย่างแท้จริง ท่านหญิงมัรยัมเป็นผู้บริสุทธิ์จากมลทินทั้งปวง และได้ตั้งครรภ์ท่านศาสดาอีซาในปาฏิหาริย์ โดยปราศจากบิดาและมิได้มีปฏิสัมพันธ์กับชายใดเลย สิ่งนี้ตอกย้ำถึงสถานะพิเศษและความยิ่งใหญ่ของท่านศาสดาอีซาในหลักคำสอนอิสลาม เป็นเรื่องราวที่แสดงถึงพระปรีชาสามารถและแผนการอันสมบูรณ์ของพระผู้เป็นเจ้า

จุดยืนของอิสลามต่อศาสนทูตอีซา ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน
จุดยืนของอิสลามต่อศาสนทูตอีซา ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน

สำหรับชาวมุสลิมทั่วโลก ศาสดาอีซา (พระเยซู) ผู้เป็นที่รู้จักกันในประวัติศาสตร์ว่าเป็นบุคคลสำคัญ และผู้ที่ได้สร้างคุณูปการอันยิ่งใหญ่แก่มนุษยชาติอย่างแท้จริง ในอิสลาม ท่านศาสดาอีซาได้รับการเคารพอย่างสูงในฐานะศาสดาผู้ยิ่งใหญ่ของอัลลอฮ์ ผู้ซึ่งเกิดอย่างปาฏิหาริย์จากพระแม่มารีย์ (มัรยัม) โดยปราศจากบิดา และได้รับปาฏิหาริย์มากมายจากพระผู้เป็นเจ้าเพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงศาสนกิจของท่าน คัมภีร์อัลกุรอานยืนยันถึงความบริสุทธิ์และสถานะอันสูงส่งของท่าน โดยถือว่าท่านเป็นศาสดาผู้รับใช้พระเจ้า ไม่ใช่พระเจ้าหรือบุตรของพระเจ้า ต่างจากมุมมองของบางกลุ่มที่อาจบูชาท่านเป็นเทพเจ้าหรือดูหมิ่นท่าน อิสลามยืนหยัดในความรักและความเคารพอย่างสุดซึ้งต่อศาสดาอีซาเสมอมา และเฝ้ารอการกลับมาของท่าน

จุดยืนของอิสลามต่อบรรดาศาสนทูต
จุดยืนของอิสลามต่อบรรดาศาสนทูต

มุมมองของศาสนาอิสลามต่อบรรดาศาสดาและทูตสวรรค์ หลายท่านอาจเข้าใจผิดว่าคัมภีร์อัลกุรอานกล่าวถึงเพียงเรื่องราวของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) เท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ศาสนาอิสลามให้ความเคารพและศรัทธาในบรรดาศาสดาและทูตสวรรค์ทุกท่านที่อัลลอฮ์ทรงส่งมายังโลก รวมถึงท่านศาสดาอีซา (พระเยซู) ซึ่งถูกกล่าวถึงอย่างชัดเจนและบ่อยครั้งในคัมภีร์อัลกุรอาน นอกจากนี้ ยังมีศาสดาสำคัญท่านอื่นๆ เช่น ศาสดามูซา (โมเสส) และศาสดาอิบรอฮีม (อับราฮัม) นี่คือหลักศรัทธาอันเป็นรากฐานที่แสดงถึงความต่อเนื่องของสารจากพระผู้เป็นเจ้า และเชิญชวนให้ทำความเข้าใจอิสลามในมุมมองที่กว้างขึ้น

ไม่มีนักบวชในอิสลาม
ไม่มีนักบวชในอิสลาม

ในศาสนาอิสลามไม่มีชนชั้นนักบวชหรือตำแหน่งปุโรหิตโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นหลักการสำคัญที่แตกต่างจากหลายศาสนาอื่น ๆ โดยผู้ศรัทธาทุกคนมีความสัมพันธ์โดยตรงกับพระผู้เป็นเจ้า (อัลลอฮ์) ไม่จำเป็นต้องมีบุคคลใดมาเป็นสื่อกลางระหว่างมนุษย์กับพระองค์ สิ่งนี้เน้นย้ำถึงความเสมอภาคอย่างสมบูรณ์ในหมู่มุสลิมทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเพศ วัย หรือสถานะทางสังคมใดก็ตาม ทุกคนมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงต่อการปฏิบัติศาสนกิจของตน และการขอพรจากอัลลอฮ์ได้โดยไม่ต้องผ่านพิธีกรรมที่ซับซ้อน เป็นการส่งเสริมความเป็นอิสระทางจิตวิญญาณและความบริสุทธิ์ของหลักเตาฮีด (เอกเทวนิยม) ทำให้ศาสนาอิสลามเข้าถึงได้และเป็นอิสระสำหรับทุกคนในทุกชนชั้น

มีพิธีทางศาสนาเป็นการเฉพาะเพื่อเข้ารับอิสลามหรือไม่
มีพิธีทางศาสนาเป็นการเฉพาะเพื่อเข้ารับอิสลามหรือไม่

การเข้ารับอิสลามนั้นง่ายดายและไม่มีพิธีกรรมซับซ้อนอย่างที่หลายคนอาจเข้าใจผิด ไม่จำเป็นต้องมีพิธีการใหญ่โต ไม่ต้องเข้าโบสถ์ หรือมีพยานจำนวนมากในการกล่าวคำปฏิญาณตน หัวใจสำคัญอยู่ที่การกล่าวคำปฏิญาณตนสองประการ หรือที่เรียกว่า "ชะฮาดะห์" (Shahada) ซึ่งเป็นการยืนยันว่า "ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ และมุฮัมมัดคือศาสนทูตของพระองค์" โดยผู้ที่ต้องการเข้ารับอิสลามเพียงแค่กล่าวคำเหล่านี้ด้วยความเข้าใจ ศรัทธาอย่างแท้จริงในความหมายของมัน และพร้อมที่จะดำเนินชีวิตตามหลักการของอิสลามอย่างจริงจัง ทั้งหมดนี้เป็นการแสดงออกถึงความตั้งใจส่วนบุคคลอย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่มีข้อกำหนดที่ยุ่งยาก ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงศาสนาอิสลามได้ด้วยใจที่เปิดกว้าง จึงนับเป็นการเปลี่ยนผ่านที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยความหมายลึกซึ้งและมุ่งเน้นไปที่ความศรัทธาภายในเป็นสำคัญ

ระหว่างกฎแห่งธรรมชาติและกฎแห่งบทบัญญัติ
ระหว่างกฎแห่งธรรมชาติและกฎแห่งบทบัญญัติ

ค้นพบความกลมกลืนอันลึกซึ้งระหว่างกฎธรรมชาติและกฎชะรีอะฮ์ในหนังสือ "ระหว่างกฎธรรมชาติและกฎชะรีอะฮ์" ผลงานอันลึกซึ้งนี้เชื้อเชิญผู้อ่านชาวไทยให้ใคร่ครวญถึงระเบียบอันงดงามของการสร้างสรรค์ ตั้งแต่เซลล์ที่เล็กที่สุดไปจนถึงกาแล็กซีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในฐานะที่เป็นประจักษ์พยานแห่งการออกแบบของพระผู้เป็นเจ้า มันสำรวจว่ากฎเกณฑ์ที่แม่นยำซึ่งควบคุมโลกธรรมชาติของเรานั้น สอดคล้องอย่างสวยงามกับสัจธรรมอันลึกซึ้งของกฎชะรีอะฮ์ได้อย่างไร เผยให้เห็นว่าวิทยาศาสตร์และศรัทธานั้นไม่ใช่แรงผลักดันที่ขัดแย้งกัน แต่เป็นเส้นทางที่เสริมซึ่งกันและกันเพื่อทำความเข้าใจการดำรงอยู่ เดินทางผ่านการสนทนาที่กระตุ้นความคิดที่เชื่อมโยงความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ เข้ากับข้อมูลเชิงลึกทางจิตวิญญาณเหนือกาลเวลา เสริมสร้างมุมมองของคุณเกี่ยวกับจักรวาลที่พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างสรรค์อย่างพิถีพิถัน.

تطوير midade.com

جمعية طريق الحرير للتواصل الحضاري