อัลลอฮ์ในศาสนาอิสลาม

อัลกุรอาน

อัลกุรอาน:
อัลกุรอานเป็นถ้อยคำสุดท้ายและถาวรของพระเจ้าที่มีต่อมนุษยชาติทั้งหมด ซึ่งถูกเปิดเผยแก่ศาสดามูฮัมหมัด (สันติสุขจงมีแด่ท่าน) ผ่านทูตสวรรค์ญิบรีล
อัลกุรอานกล่าวถึงหัวข้อต่างๆ มากมาย รวมถึงความเชื่อในอัลลอฮ์ ศาสดา และวันพิพากษา; ศีลธรรมและจริยธรรม; ปัญหาสังคมและการเมือง; และเรื่องครอบครัวและส่วนบุคคล มันมีคำตอบสำหรับปริศนาของชีวิตและสิ่งที่อยู่เหนือจากนั้น - ฉันมาจากไหน เกิดอะไรขึ้นหลังความตาย วัตถุประสงค์ของชีวิตคืออะไร
มันเน้นย้ำถึงความยุติธรรม ความเมตตา และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว และส่งเสริมให้มุสลิมมีเมตตาและยุติธรรมต่อเพื่อนมนุษย์
เหล่านี้คือหลักฐานบางประการที่พิสูจน์ว่าอัลกุรอานมาจากพระผู้สร้างและไม่ใช่จากมนุษย์:
รูปแบบการเขียนที่มีปาฏิหาริย์ทางวรรณกรรมและภาษาศาสตร์ พระเจ้าท้าทายมนุษยชาติทั้งหมดให้สร้างงานวรรณกรรมที่มีคุณภาพเทียบเท่ากับอัลกุรอาน แต่ทุกคนล้มเหลว
ได้รับการอนุรักษ์ตลอดยุคสมัยในภาษาต้นฉบับโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่ตัวอักษรเดียว
ไม่มีความขัดแย้งใดๆ
ไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ
มีข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์มากมายที่พิสูจน์โดยวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ เช่น ขั้นตอนของการพัฒนาของตัวอ่อน
ถูกจดจำโดยชาวมุสลิมนับล้านทั่วโลก อัลกุรอานเป็นส่วนสำคัญและจำเป็นของศาสนาอิสลาม เป็นการให้แสงสว่างจากพระเจ้า ที่ทำหน้าที่เป็นแนวทางสำหรับมุสลิมในชีวิตประจำวันและให้กรอบการทำความเข้าใจโลกที่อยู่รอบตัวพวกเขา อัลกุรอานไม่ใช่แค่หนังสือ แต่เป็นวิถีชีวิตสำหรับมุสลิม และการศึกษาและทำความเข้าใจคำสอนของมันเป็นส่วนสำคัญของศรัทธาและการปฏิบัติในศาสนาอิสลาม

ไม่มีข้อแก้ตัวสำหรับผู้ที่ละทิ้งความจริงและเลียนแบบบรรพบุรุษ

ไม่มีข้อแก้ตัวสำหรับผู้ที่ละทิ้งความจริงและเลียนแบบบรรพบุรุษ

พระเจ้าได้บอกเราว่ามีคนจำนวนมากที่ปฏิเสธที่จะเข้าสู่อิสลามเพราะกลัวสภาพแวดล้อม
ที่พวกเขาอาศัยอยู่
หลายคนปฏิเสธอิสลามเพราะไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงความเชื่อที่พวกเขาสืบทอดมาจากบ
รรพบุรุษและคุ้นเคยกับมัน
และหลายคนถูกปิดกั้นโดยความลำเอียงและความดื้อรั้นในความเท็จที่พวกเขาสืบทอดมา
และคนเหล่านี้ทั้งหมดไม่มีข้อแก้ตัวในเรื่องนี้
และพวกเขาจะยืนอยู่ต่อหน้าพระเจ้าโดยไม่มีข้อแก้ตัวใด ๆ
มันไม่ใช่ข้อแก้ตัวสำหรับผู้ที่ไม่เชื่อในพระเจ้าที่จะกล่าวว่า
"ฉันจะยังคงไม่เชื่อในพระเจ้าเพราะฉันเกิดมาในครอบครัวที่ไม่เชื่อ!"
แต่เขาจำเป็นต้องใช้ปัญญาที่พระเจ้าให้มาและพิจารณาความยิ่งใหญ่ของท้องฟ้าและแผ่
นดิน และคิดด้วยปัญญาที่พระเจ้าสร้างให้เขาเพื่อที่จะเข้าใจว่าจักรวาลนี้มีผู้สร้าง
และเช่นเดียวกันกับผู้ที่บูชาหินและรูปปั้น ไม่มีข้อแก้ตัวในการเลียนแบบบรรพบุรุษ
แต่เขาจำเป็นต้องค้นหาความจริงและถามตัวเองว่า
"ฉันจะบูชาวัตถุที่ไม่มีชีวิตซึ่งไม่ได้ยินฉันไม่ได้เห็นฉันและไม่สามารถให้ประโยชน์กับฉั
นได้อย่างไร?"
และคริสเตียนที่เชื่อในสิ่งที่ขัดแย้งกับธรรมชาติและปัญญาจำเป็นต้องถามตัวเองว่า
"พระเจ้าจะฆ่าลูกของพระองค์ที่ไม่ได้ทำบาปเพราะบาปของคนอื่นได้อย่างไร!
นี่คือความไม่ยุติธรรม! มนุษย์จะตรึงและฆ่าลูกของพระเจ้าได้อย่างไร!

พระเจ้าไม่มีความสามารถที่จะให้อภัยบาปของมนุษย์โดยไม่ต้องให้พวกเขาฆ่าลูกของพร
ะองค์หรือ? พระเจ้าไม่มีความสามารถที่จะปกป้องลูกของพระองค์หรือ?"
ดังนั้นคนที่มีปัญญาจำเป็นต้องปฏิบัติตามความจริงและไม่เลียนแบบบรรพบุรุษในความเ
ท็จ
พระเจ้าตรัสว่า:

ทุกอย่างต้องมีการออกแบบ

ทุกอย่างต้องมีการออกแบบ