วิดีโอการเผยแผ่ศาสนา

ฉันจะสูญเสียอะไรหากปฏิเสธอิสลาม
ฉันจะสูญเสียอะไรหากปฏิเสธอิสลาม

คำถามที่ลึกซึ้งนี้ชวนให้เราใคร่ครวญถึงแก่นแท้ของชีวิต เมื่อชีวิตต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน เรามักแสวงหาความจริงสูงสุดและจุดประสงค์ที่แท้จริงของการดำรงอยู่ อิสลามคือแสงสว่างแห่งการชี้นำที่ถูกส่งมาเพื่อมอบความสงบสุขแท้จริงให้จิตวิญญาณและความหมายที่ชัดเจนแก่การดำรงอยู่ การปฏิเสธเส้นทางนี้อาจหมายถึงการพลาดโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่จะได้เข้าถึงความเมตตาอันไร้ขีดจำกัดและแสงสว่างจากการชี้นำของพระผู้เป็นเจ้า รวมถึงการพลาดรางวัลอันนิรันดร์ในโลกหน้าและความสำเร็จสูงสุดที่แท้จริง เราขอเชิญชวนคุณมาค้นพบคำตอบเหล่านี้ด้วยตัวคุณเองผ่านการศึกษาอิสลามอย่างลึกซึ้งและจริงใจ เพื่อความเข้าใจที่สมบูรณ์แบบในสิ่งที่ชีวิตเสนอให้ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า.

คนหนึ่งจะไม่เป็นผู้ศรัทธาจนกว่าจะเชื่อในศาสดาทุ
คนหนึ่งจะไม่เป็นผู้ศรัทธาจนกว่าจะเชื่อในศาสดาทุ

การจะเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริงได้นั้น จำเป็นต้องเชื่อและยอมรับในศาสดาทุกท่านที่พระเจ้าทรงเมตตาส่งมาเพื่อนำทางมนุษย์ เพราะผู้ที่ทรงส่งศาสดาเหล่านั้นคือองค์พระผู้เป็นเจ้าเอง การปฏิเสธศาสดาเพียงพระองค์เดียวจึงเท่ากับการปฏิเสธพระประสงค์และวิวรณ์ของพระองค์ทั้งหมด ไม่มีบาปใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่าการที่มนุษย์ปฏิเสธสาส์นอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าที่ประทานมาด้วยความรัก ดังนั้น เพื่อให้เข้าถึงความเมตตาและได้รับพรจากสวรรค์ เราจึงต้องยอมรับศรัทธาในศาสดาทุกพระองค์โดยไม่เลือกปฏิบัติ ในยุคปัจจุบันนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการเชื่อในศาสดาทุกท่านของพระองค์ และจะไม่สมบูรณ์ได้หากปราศจากการเชื่อฟังและปฏิบัติตามศาสดาท่านสุดท้ายคือมูฮัมหมัด ผู้ทรงเป็นตราประทับแห่งศาสดา พระองค์อัลลอฮฺได้ทรงตรัสไว้ในอัลกุรอานอย่างชัดเจน ว่าผู้ใดปฏิเสธที่จะเชื่อในศาสดาพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง ย่อมถือเป็นการปฏิเสธพระเจ้าและวิวรณ์ของพระองค์โดยสิ้นเชิง แท้จริงแล้ว ผู้ที่พยายามจะแยกระหว่างอัลลอฮฺและบรรดารอซูลของพระองค์ เลือกที่จะศรัทธาในบางคนและปฏิเสธบางคน ชนเหล่านี้คือผู้ปฏิเสธศรัทธาอย่างแท้จริง และจะได้รับการลงโทษที่ยังความอัปยศอย่างแน่นอนจากพระองค์ ขอเชิญชวนให้ทุกท่านพิจารณาและเปิดใจยอมรับความจริงอันประเสริฐนี้ เพื่อหนทางแห่งความสำเร็จและความรอดพ้นในโลกหน้า

อิสลามคืออะไร
อิสลามคืออะไร

อิสลามคือการยอมจำนนอย่างสมบูรณ์ต่อพระเจ้าผู้ทรงเอกะ โดยรับรองความเป็นหนึ่งเดียวของพระองค์ และปฏิบัติตามพระบัญชาด้วยความพึงพอใจอย่างเต็มเปี่ยม นี่คือศาสนาสากลที่บรรดาศาสดาทุกพระองค์ ตั้งแต่อิบรอฮีม, มูซา, จนถึงอีซา (เยซู) ได้นำมา เพื่อเรียกร้องให้มนุษย์ทุกคนบูชาพระเจ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น ไม่มีภาคีหรือผู้ใดเสมอเหมือน อิสลามในยุคปัจจุบันจึงเป็นศาสนาที่แท้จริงและสมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งดำรงอยู่ในรูปแบบบริสุทธิ์ไม่เปลี่ยนแปลง โดยมีกฎหมายอิสลามมาเพื่อยกเลิกและเติมเต็มบทบัญญัติก่อนหน้าทั้งหมดให้สมบูรณ์ ความเชื่อของชาวมุสลิมนั้นชัดเจน ไม่คลุมเครือ และคงอยู่ตลอดไป สังเกตได้จากคัมภีร์อัลกุรอานที่คงเดิมในทุกประเทศ ต่างจากศาสนาอื่นที่อาจถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์ หรือถูกบิดเบือนไปจากแก่นแท้ดั้งเดิมอันเป็นพระดำรัสของพระเจ้า พระเจ้าได้ทรงตรัสในอัลกุรอานอย่างชัดเจนว่า ผู้ใดแสวงหาศาสนาอื่นนอกจากอิสลาม ศาสนานั้นจะไม่ถูกรับจากเขาเลย ดังนั้น อิสลามจึงเป็นทางนำอันเที่ยงตรงสู่ความจริงสูงสุดและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติภายใต้การนำของพระผู้สร้าง.

มุสลิมเชื่ออะไรเกี่ยวกับอีซา พระเยซู ขอความสันติจงมีแด่ท่าน
มุสลิมเชื่ออะไรเกี่ยวกับอีซา พระเยซู ขอความสันติจงมีแด่ท่าน

"มุสลิมเชื่ออะไรเกี่ยวกับอีซา (พระเยซู) ขอความสันติจงมีแด่ท่าน?" คำถามสำคัญที่หลายคนสงสัย. สำหรับชาวมุสลิมแล้ว ศาสดาอีซา (พระเยซู) คือศาสดาผู้ยิ่งใหญ่และเป็นที่รักยิ่ง ท่านคือผู้ที่ได้รับภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ให้เรียกร้องมนุษยชาติสู่การบูชาพระเจ้าเพียงผู้เดียว โดยไม่มีผู้ใดเป็นหุ้นส่วนกับพระองค์. เช่นเดียวกับศาสดามูฮัมหมัด ท่านถูกส่งมาเพื่อเป็นผู้นำทางสู่สวรรค์และหนทางแห่งความจริง. มุสลิมเชื่อในการกำเนิดอันปาฏิหาริย์ของท่านโดยไม่มีบิดา ตามที่อัลกุรอานระบุไว้ ซึ่งแสดงถึงเดชานุภาพอันไร้ขีดจำกัดของพระองค์. สิ่งสำคัญคือ มุสลิมยืนยันว่าอีซาไม่ใช่พระเจ้า ไม่ใช่บุตรของพระเจ้า และท่านมิได้ถูกตรึงกางเขน. แต่ทว่า พระองค์อัลลอฮฺได้ทรงยกท่านขึ้น และท่านจะกลับมาอีกครั้งในยุคสุดท้ายในฐานะผู้ตัดสินที่ยุติธรรม. อัลกุรอานเปิดเผยว่าสารดั้งเดิมของท่าน ซึ่งเน้นย้ำถึงเอกภาพของพระเจ้า ได้ถูกบิดเบือนไปในภายหลัง. แท้จริงแล้ว ศาสดาอีซาได้สอนให้ผู้คนบูชาผู้สร้างของพวกเขาเสมอ มิใช่ตัวท่านเอง. ในวันกิยามะฮฺ ศาสดาอีซาจะปฏิเสธผู้ที่บูชาท่าน เพราะท่านได้นำคำสอนเรื่องการบูชาพระเจ้าองค์เดียวมาโดยตลอด. มุมมองนี้สะท้อนความเคารพอย่างสุดซึ้งและหลักการเตาฮีด (เอกภาพของพระเจ้า) ที่ชาวมุสลิมยึดมั่นต่อศาสดาอีซา.

ผู้ที่ต้องการความรอดในโลกหน้า ต้องเข้ารับศาสนาอิสลามและปฏิบัติตามศาสดามูฮัมหมัด ขอความสันติจงมีแ
ผู้ที่ต้องการความรอดในโลกหน้า ต้องเข้ารับศาสนาอิสลามและปฏิบัติตามศาสดามูฮัมหมัด ขอความสันติจงมีแ

สำหรับผู้ที่กำลังมองหาหนทางแห่งความรอดในชีวิตหลังความตาย ข้อความนี้ได้นำเสนอแนวคิดหลักของศาสนาอิสลามอย่างชัดเจน โดยเน้นย้ำว่าผู้ที่ปรารถนาความสุขนิรันดร์ในโลกหน้า จะต้องน้อมรับอิสลามเป็นศาสนา และปฏิบัติตามแบบอย่างอันประเสริฐของศาสดามูฮัมหมัดอย่างเคร่งครัด นี่คือสารที่เชื้อเชิญให้พิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงทางจิตวิญญาณ และการดำเนินชีวิตภายใต้หลักการอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเชื่อว่าจะนำไปสู่การได้รับความเมตตา และความสงบสุขที่แท้จริงจากพระผู้เป็นเจ้า มอบเป้าหมายที่ชัดเจนสำหรับผู้ศรัทธาที่แสวงหาสันติภาพนิรันดร์.

تطوير midade.com

جمعية طريق الحرير للتواصل الحضاري